การเสริมโหนกแก้ม
สวัสดีค่ะ วันนี้ Surgery Care จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับวิธีการเสริมโหนกแก้มด้วยวิธีต่างๆกันนะคะบางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมจะต้องเสริมโหนกแก้มด้วยน๊า เรื่องของโหนกแก้มนั้น ใครที่มีได้รูปสวยงามอยู่แล้วก็คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรค่ะ แต่สำหรับใครที่มีโหนกแก้มต่ำไปเกินไป จนทำให้ใบหน้าดูไม่มีมิติล่ะก็คงต้องพึ่งการเสริมความงามเพื่อปรับโหนกแก้มให้ดูเต็มขึ้น และสูงขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งหลักๆก็จะมีอยู่ 3วิธีนะคะ เราไปดูแต่ละวิธีกันเลยค่า
1. การฉีด Filler หรือสารเติมเต็ม คล้ายกับการฉีด Filler ทั่ว ๆ ไป โดยแพทย์จะฉีด Filler ลงไปบริเวณเหนือต่อเยื่อหุ้มกระดูกโหนกแก้มเพื่อเป็นฐานให้เกิดการยึดเกาะของ Filler ซึ่งจะทำให้สารเติมเต็มที่ใส่เข้าไปนั้นไม่ไหลลงมาที่แก้มตามแรงโน้มถ่วง จากนั้นแพทย์จะฉีดให้ได้ปริมาณตามแต่ละชั้นผิวหนัง แล้วปรับแต่ง (Molding) ให้ได้รูปทรงที่สวยงามตามคนไข้ต้องการอีกครั้ง ข้อดี : ระยะเวลาการพักฟื้นน้อย สามารถทำงานได้ในวันถัดไป ข้อเสีย : ในผู้ป่วยบางรายอาจมีการเลื่อนไหลของ Filler ได้ และที่รู้กันดีคือ Filler อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน และจะสลายไปในที่สุด
2. การฉีดไขมัน (Fat Transplantation) เป็นการฉีดเซลล์ไขมันที่นำมาจากตัวผู้ป่วยเอง โดยแพทย์จะดูดไขมันจากบริเวณอื่นของผู้ป่วยแล้วฉีดเข้าโดยตรงบริเวณโหนกแก้ม ซึ่งจะคล้ายกับการฉีด Filler แต่วิธีนี้จะใช้เวลา 6-12 เดือน ในการดูว่าเซลล์ไขมันจะอยู่รอดหรือตายไป โดยส่วนใหญ่อัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันอยู่ที่ประมาณ 50% หมายความว่า ฉีดไขมันไป 1 cc. อาจมีเหลืออยู่แค่ 0.5 cc. เท่านั้น แต่เมื่อเซลล์ไขมันอยู่รอดแล้วจะสามารถอยู่กับเราได้ตลอด ข้อดี : ระยะเวลาการพักฟื้นน้อย สามารถทำงานได้ในวันถัดไป และหากเซลล์ไขมันอยู่รอดได้จะอยู่กับคนไข้ได้นาน ข้อเสีย : วิธีการยุ่งยากกว่า และเซลล์ไขมันอาจตายเกือบทั้งหมดได้
3. การผ่าตัด (Surgery) การผ่าตัดเสริมโหนกแก้มโดยส่วนใหญ่เป็นการใช้สกรูยึดซิลิโคนกับกระดูกโหนกแก้ม ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์ ข้อดี : สามารถอยู่กับคนไข้ตลอดหากไม่เกิดผลข้างเคียงที่ต้องผ่าตัดแก้ไข ข้อเสีย : ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อจากการผ่าตัด, การบาดเจ็บต่อเส้นประสาทบริเวณที่ผ่าตัด และใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนาน
Credit : www.dermaster-thailand.com ,www.stmstyle.blogspot.com
www.dodeden.com