การเสริมจมูกด้วย Pure-Form หรือ Gore-Tex คืออะไร?

การเสริมจมูกด้วย Pure-Form หรือ Gore-Tex คืออะไร?

            วันนี้ Surgery Care ขอมาเอาใจผู้ที่สนใจจะเสริมจมูกกันนะคะ เพื่อนๆรู้มั้ยว่าการเสริมจมูกนั้นนอกจากจะเสริมด้วยซิลิโคนที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกันแล้ว ยังมีอีกวัสดุนึงที่สามารถนำมาเสริมจมูกได้นั้นก็คือ Pure-Form หรือ Gore-Tex นั่นเองค่ะ วัสดุนี้คืออะไร แล้วดียังไง เหมือนกับซิลิโคนที่ใช้รึป่าว ไปดูกันเลยค่ะ

           วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกันคือ

1. วัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นมาเอง (ซิลิโคน) ซึ่งเหมาะสำหรับการผ่าตัดเพื่อความงามเนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้ในทางการ แพทย์เท่านั้นที่ได้รับการรับรองแล้วว่าไม่มีอันตรายต่อร่างกาย

2. Pure-Form ร่วมกับไขมันหลังหู นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด "PUREFORM" ทางเลือกใหม่ของวัสดุที่ใช้ในการเสริมตกแต่งใบหน้า ซึ่งดีกว่าซิลิโคนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย PUREFORM ผลิตจากวัสดุที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ePTFE (expanded polytetrafluoroethylene) 100% หรือรู้จักกันโดยทั่วไปว่า "Gore-Tex" ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์และใช้สำหรับทำเส้นเลือดเทียม มากว่า 50 ปี

แต่ด้วยวิวัฒนาการล่าสุดทำให้ PUREFORM สามารถสมานเข้ากับเนื้อเยื่อและยึดติดได้ดี ลดการเกิดปัญหาบิดเบี้ยว ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ผิวไม่ใสเหมือนการเสริมด้วยซิลิโคน ไม่ถูกย่อยสลาย สามารถคงอยู่ได้ถาวร อีกทั้งมีขนาดและหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าเอเชีย PUREFORM จึงถูกนำมาใช้ศัลยกรรมตกแต่ง เช่น จมูก ริมฝีปาก และร่องแก้ม และได้รับการยอมรับในยุโรปและอเมริกา

ข้อดีของ PUREFORM

-ยึดติดเข้ากับเนื้อเยื่อได้ดี

-ลดการการเกิดปัญหาเบี้ยวเอง ทะลุ

-ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการเสริมด้วยชิลิโคน

-สามารถคงอยู่ได้ถาวร -ได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกาและประเทศไทย สำหรับการศัลยกรรมตกแต่งเสริมส่วนต่างๆ บนใบหน้า

-มีรูปแบบและขนาดเหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าคนเอเชีย

ข้อเสียของ PUREFORM

-ราคาสูงกว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน

-สำหรับเมืองไทยเป็นที่นิยมน้อยกว่าการทำซิลิโคน

- มีโอกาสติดเชื้อได้สูงกว่าการใช้ซิลิโคนเสริม

- ติดแน่นกับร่างกายทำให้แก้ไขลำบาก ในกรณีที่ทำแล้วไม่ถูกใจ

- ค่อนข้างจะแข็ง ทำให้อาจต้องเสริมด้วยปลายเนื้อจากใบหูเพื่อให้ปลายดูเป็นธรรมชาติ

- ราคาวัสดุแพงกว่าซิลิโคนมาก

ที่มา http://www.dr-danai.com/welcome/activity_read/84#.VJRoY8DCA asiaclinic